ผู้ประกอบอาชีพเสริม มองวิกฤตเป็นโอกาส ปรับตัวเข้าสู่การทำตลาดออนไลน์

ในปัจจุบันธุรกิจน่าจะมีการควบรวม โดยการรวมตัวของธุรกิจทั้งหมด เพราะว่าลูกค้าจะเริ่มใช้บริการด้านสื่อออนไลน์มากยิ่งขึ้น ฉะนั้นผู้ประกอบอาชีพเสริมและกลุ่มธุรกิจ SMEs ต้องมีการปรับตัวและหันมาสนใจในการทำตลาดออนไลน์เพื่อให้เข้ากับสภาวะปัจจุบัน และหาวิธีการทำอย่างไร ให้สินค้าสามารถไปอยู่ในตลาดออนไลน์ได้เป็นอย่างดี

สินค้าที่น่าลงทุนในตลาดออนไลน์ สำหรับผู้ประกอบอาชีพเสริม และเพื่อสอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันในประเทศไทย เป็นกลุ่มสินค้าที่สามารถสร้างความสำคัญภายในครอบครัว สินค้าที่เจาะกลุ่มชาวต่างชาติ และสินค้าด้านบริการ รวมไปถึงสินค้าเกษตรแปรรูป ซึ่งถือได้ว่าเป็นสินค้าที่ต้นทุนค่อนข้างถูก สิ่งสำคัญในการทำตลาดบนโลกออนไลน์ คือการคิดต่างจากคนอื่น เพื่อโอกาสทางตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน

สำหรับมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยโดยรวม มีการสำรวจหลายครั้งแต่ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ ประมาณการคร่าว ๆ ราว 6-8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนเฉพาะ B to C หรือการซื้อขายจากผู้ประกอบธุรกิจอาชีพเสริมไปยังผู้บริโภคทั่วไป และสาเหตุที่ยังไม่มีตัวเลขแน่นอน เนื่องจากมีจำนวนการโอนเงินทางธนาคารแบบปกติ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบธุรกรรมที่เกิดขึ้นได้แน่นอน โดยจำนวนผู้ประกอบอาชีพเสริมที่จำหน่ายสินค้าออนไลน์ รวมถึงลูกค้าที่พร้อมจะซื้อของได้เพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสขยับเข้ามาในระบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้นไปด้วย จึงทำให้ตัวเลขการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 15-20% และมีโอกาสเติบโตมากขึ้นในอนาคต 

ผู้ประกอบอาชีพเสริม ควรมีความตั้งใจในการมองหาช่องทางต่าง ๆ เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสและอยากให้ลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ